วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คลิปวีดีโอแห่งความยากลำบาก


คลิปแรกในชีวิตของผมใน Youtube

          ขอพูดตามตรงเลยนะครับว่า กว่าจะมาเป็นคลิปอย่างที่เห็นได้ ไม่ต่ำกว่า 10 รอบ ในการถ่ายซ้ำๆ ไปมา พูดแบบเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ เพื่อหาทางแก้ข้อบกพร่องต่างๆที่ได้ถ่ายทำ ทั้งนี้ถึงแม้ว่าจะได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ทางผู้ถ่ายก็ได้ซ้อม เตรียมบทพูด ไว้ก่อนที่จะถ่ายแล้ว แต่เวลาถ่ายจริง เลือดตาแทบกระเด็น ซ้ำแล้วซ้ำอีก แก้ไขแล้วแก้ไขอีก ทำให้ผมเข้าอาชีพ ดารานักร้องนักแสดง เวลาที่เค้าถ่ายทำละครกัน หรือ เวลาเค้าอัดเพลงลงแผ่นเสียง กว่าจะสำเร็จได้จนเป็นงานที่คนทั่วไปได้รับชม + ยังก๊อปไปลงที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่เบื้อยงหลังอยากจะบอกว่ายากมากกว่าจะได้มาซักเพลงหนึ่ง หรือซักฉากการแสดงนึง

          โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่สนับสนุนของแท้มีลิขสิทธิอยู่แล้วตามประมานสถานทางการเงินของตน ไม่ว่าจะเป็น เกมส์ ภาพยนต์ การ์ตูน หรือ เพลง ตามกำลังทรัพที่ผมมี และผมก็ไม่คิดจะสนับสนุนของไม่มีลิขสิทธิ

          ท้ายนี้ผมก็ทิ้งท้ายว่า การเอาเวปหรือลิ้งหรือคลิปหรือเพลง ไปฟังที่ไหนก็ควรให้เครดิตเจ้าของด้วยนะครับ เพราะหลายๆคนพยายามมากกว่าจะทำมาได้จนเป็นเพลง เป็นคลิป ถึงแม้ว่าบางครั้งจะหลีกหนีของไม่มีลิขสิทธิไม่ได้ แต่ยังไงถ้ามีโอกาสก็ช่วยสนับสนุนของกันมีลิขสิทธิกันบ้างนะครับ

วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Tablet นวัตกรรมใหม่ของการศึกษาไทย

          ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีก้าวไกลมากในเรื่องการศึกษาหรือการค้นคว้าหาข้อมูลในเรื่องใดก็ตามสำหรับนวัตกรรมที่ผมจะยกมานั้น คือ Tablet ที่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้รับแจกเพื่อใช้ในการเรียนในโรงเรียนตอนนี้ ถึงหลายๆประเทศอาจจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้เรียนใช้ Tablet ในการเรียน แต่ในประเทศของเรานั้นเป็นเรื่องใหม่มากๆ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ในอันดับแรกที่จะกล่าวถึง ต้องอธิบายก่อนว่า Tablet คืออะไร


นี่คือรูปร่างของ Tablet ที่แต่ละโรงเรียนได้รับแจก

          Tablet คือเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถพกพาติดตัวได้ มีหน้าจอหลายขนาด บางรุ่นสามารถใช้เป็นโทรศัพท์ได้ สามารถใช้บันทึกข้อมูล ค้นคว้าหาความรู้ผ่านอินเตอร์เน็ตในระบบ 3G สามารถอ่านหนังสือที่เรียกว่า E-Book ได้ ตลอดจนยังสามารถชมคลิปต่างๆทางบนเว็บไซต์หรือภาพยนตร์ ฟังเพลง เล่นเกมส์ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นความสามารถที่ใกล้เคียงคอมพิวเอตร์ทั้งสิ้น แต่ Tablet มีขนาดเล็กสามารถพกพาไปได้ทุกที่และการใช้งานที่สะดวกกว่าคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กเช่น Notebook ซึ่งมีข้อจำกัดด้านขนาด พลังแบตเตอรี่ในการใช้งาน Tablet จึงถูกเรียกว่า "คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา" นั้นเอง

          Tablet และการศึกษาไทยในมุมมองของผม

          ในตอนนี้โรงเรียนระดับประถมศึกษาทั่วประเทศได้รับแจก Tablet เพื่อให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้นำไปใช้ในเรียนควบคู่กับหนังสือเรียนและการเรียนในห้องเรียน ได้ทยอยแยกเรื่อยๆตามโรงเรียนในแต่ละเขตการศึกษาในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในมุมมองของผม Tablet เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการศึกษาและเรียนรู้ เป็นสื่อการสอนที่มีประสิทธิภาพมากกว่าหนังสือเรียนบางเล่ม การเรียนบางอย่างถ้าได้ดูเป็นภาพเคลื่อนไหวหรือเป็นคลิปวีดีโอก็จะสามารถเรียนรู้ได้ดีกว่าดูจากรูปภาพซึ่งเคลื่อนไหวไม่ได้ ถ้ามองในด้านดีของ Tablet แล้วก็คงจะกล่าวว่าเหมาะสมที่จะนำมาใช้กับการศึกษาเป็นอย่างมาก แต่ในมุมมองอีกด้านที่เป็นผลเสียของการใช้ Tablet ในการศึกษานั้น ต้องกล่าวว่า การจะใช้ Tablet ในการศึกษาผู้ใช้จะต้องอยู่ในระดับใดถึงจะเหมาะสม หรือว่าความพร้อมของครูอาจารย์ผู้สอน และความพร้อมของสถานศึกษาที่จะนำมาใช้นั้น จะต้องมีความพร้อมในระดับหนึ่ง ซึ่ง เริ่มจาก

1.ผู้เรียน
          การแจก Tablet ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 นั้น ต้องพิจารณาดูว่า ผู้เรียนในวัยนี้ต้องการให้ส่งเสริมด้านใดบ้าง ผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 นั้นอยู่ในระดับที่มีความต้องการพัฒนาการทางด้านการเขียนและการอ่านเป็นอย่างมาก มากกว่าการนำ Tablet มาค้นคว้าหาข้อมูลหรือใช้ในการเรียน เพราะผู้เรียนในวัยนี้ระดับความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้รับมอบหมายไปยังไม่มากเท่ากับในระดับชั้นมัธยมศึกษา ในมุมมองของผมมีความเห็นว่า การแจกTablet ในระดับนี้จะเป็นการลดทอนความสามารถในการเขียนของผู้เรียนมากกกว่าเป็นเป็นการพัฒนา ซึ่งการเขียนมีความจำเป็นอย่างมากในการศึกษา ยกตัวอย่างเช่น การสอบทำข้อสอบแบบอัตนัย ซึ่งผู้สอบต้องเขียนอธิบายตามหัวข้อที่โจทย์กำหนดมาด้วยตนเองไม่สามารถนำ Tablet เข้าไปเขียนได้ เป็นต้น และความรับผิดชอบของผู้เรียนในระดับนี้จะมีปัญหาหรือเปล่าในการเก็บรักษา Tablet ในระหว่างการใช้งานหรือหลังใช้งาน และท้ายที่สุดผมคิดว่าผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนในการใช้งาน Tablet ซึ่งผมคงตอบไม่ได้ว่าการแจก Tablet ให้ผู้เรียนระดับนี้ จะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งในมุมมองของผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแจกผู้เรียนในระดับนี้

2.ครูอาจารย์ผู้สอน
          ผู้สอนมีความสามารถมากน้อยแค่ไหนหรือมีความพร้อมแค่ไหนที่จะสอนโดยให้ใช้ Tablet ผมยอมรับเลยว่าเทคโนโลยียุคสมัยรวดเร็วมาก ผมก็มี Tablet ซึ่งผมก็พึ่งใช้งานเป็นไม่ถึงปี ยอมรับเลยว่าในบางครั้งก็ยังรู้สึกว่าใช้งานไม่เป็นอยู่ดี เพราะสิ่งเหล่านี้มีอัพเกรดโปรแกรมและแอพพลิเคชั่นอย่างรวดเร็วและทุกสัปดาห์ ถ้าพูดถึงในแง่การศึกษาก็อาจจะหมายถึงความรู้ใหม่ๆที่หลั่งไหลเข้ามา ผู้สอนจะสอนในความรู้ใหม่ๆได้ทันทีโดยที่ผู้สอนไม่จำเป็นต้องศึกษาเลยหรือ ในต่างจังหวัดหรือโรงเรียนที่ห่างไกลมักมีคำถามเสมอว่า ผู้สอนมีความพร้อมที่จะใช้สิ่งเหล่าในการจัดการเรียนการสอนหรือไม่ ในมุมมองของผมการใช้สื่อหรือเทคโนโลยีนวัตกรรมการศึกษาใหม่ๆเข้ามาสอนเป็นสิ่งที่ดีแต่ก็เตรียมบุคลากรให้พร้อมในการสอนด้วยเช่นกัน

3.สถานศึกษา
          ในเรื่องสถานศึกษาต้องถามสถานศึกษาว่ามีความพร้อมแค่ไหนในการรับผิด Tablet ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ทางสถานศึกษาจะต้องรับผิดชอบในกรณีที่เกิดการเสียหายหรือสูญหาย ซึ่งผมก็คงตอบตรงนี้ไม่ได้ว่าสถานศึกษาแต่ล่ะที่มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน แต่ในมุมมองของผม มองไปที่สถานศึกษาที่อยู่ตามต่างจังหวัด ที่เป็นโรงเรียนประถมเล็กๆ จะมีความสามารถในการรับผิดชอบได้อย่างไรถ้า Tablet เกิดการสูญหายหรือเสียหาย ซึ่งจากมุมมองตรงนี้ของผม ผมคิดว่าสถานศึกษาถ้าไม่ใช่สถานศึกษาที่มีทุนทรัพย์มากเพียงพอก็จะไม่สามารถรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นได้

          สุดท้ายนี้ผมก็ยังไม่กล้าสรุปว่า Tablet กับการศึกษาไทยจะมีผลออกไปในทางบวกหรือลบ ก็ต้องคอยจับตาดูกันต่อไปในอนาคต ซึ่งผมทิ้งท้ายไว้ว่า หากทั้ง 3 ด้านที่ผมกล่าวมีความพร้อมอย่างเพียงพอ สิ่งนวัตกรรมนี้ก็จะกลายเป็นเทคโนโลยีการศึกษาในที่สุด และจะเกิดผลประโยชน์ต่อผู้เรียนสูงสุด


See You Again

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มุมมองของผมต่ออิทธิพลของสื่อการเรียนการสอนในยุคสมัยนี้

          ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวกันว่าในยุคสมัยปัจจุบันนี้นี้ สื่อการเรียนการสอนมีอิทธิในการจัดการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก ถ้านับตั้งแต่ยุคสมัยก่อนที่ผมเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาแล้ว ในตอนนั้นมีแค่หนังสือเรียน 1 เล่ม สมุดจด 1 เล่ม กระดานดำ และ ชอล์คเขียนกระดานเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีสื่อที่ประดิษฐ์ขึ้นเองจากมือ เช่น แผ่นพับ บัตรคำ สมุดนิทาน ที่มาช่วยในการเรียนการเรียนการสอน ถึงกระนั้นการใช้สื่อในตอนนั้นยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่เมื่อในปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาอย่างมากมาย สื่อที่ใช้ในการสอนนั้นได้มีการปรับตัวตามเทคโนโลยี ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า ชีวิตในปัจจุบันนั้นมนุษย์เราแทบจะขาดเทคโนโลยีไม่ได้ และเมื่อสื่อการสอนมาเป็นเทคโนโลยีแล้วไซ้ อิทธิพลของสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอนนั้นก็ยิ่งมีบทบาทมากขึ้น ผมจะยกตัวอย่างสื่อการสอนในชั้นเรียนที่เป็นเทคโนโลยีให้ชม


โปรแกรม PowerPoint ที่นำไว้เสนองาน


โปรเจคเตอร์ เครื่องฉาย


Notebook คอมพิวเตอร์ที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่

          

Tablet สิ่งที่เข้ามาแทนหนังสือเรียนและสมุดจดบันทึก

         เทคโนโลยีที่ผมได้เสนอข้างต้นนั้นมีอิทธิในการเรียนการสอนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการสอนผ่านการนำเสนอทางโปรแกรม PowerPoint เครื่องฉายโปรเจคเตอร์ และการอ่าน E-Book หรือ เขียนบันทึกผ่านทาง Tablet ล้วนแล้วแต่เป็นสื่อทางเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอนทั้งสิ้น เมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา สื่อการสอนเป็นเพียงแค่ตัวช่วยที่ไม่ได้รับความสำคัญเท่าที่ควร แต่ในยุคปัจจุบันสื่อการสอนแทบจะเป็นตัวสำคัญที่เแทบจะเรียกว่า "ขาดเสียมิได้" ในการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน แต่กระนั้นสื่อเทคโนโลยีบางอย่างก็มีข้อจำกัดด้วย เช่น การบันทึกข้อความลงบน Tablet ด้วยการพิมพ์ จะทำให้ผู้เรียนที่ใช้เรียนตั้งแต่ในระดับอนุบาลหรือประถมศึกษานั้น ทักษะทางด้านการเขียนจะด้อยลงไปจากผู้เรียนในยุคสมัยก่อน

          ท้ายสุดนี้จากมุมมองของผม ผมคิดว่าสื่อการเรียนการสอนนั้นมีอิทธิผลมากในการจัดการสอนในชั้นเรียน เพียงแต่ว่าผู้สอนและทางสถานศึกษาต้องมีความพร้อมในการใช้สื่อนั้นๆในการจัดการเรียนการสอน ผู้สอนต้องมีความสามารถที่เพียงพอในการใช้สื่อและเทคโนโลยีในการสอน มิฉะนั้นสื่อก็เป็นเพียงแค่ วัตถุที่ไม่มีประโยชน์หากอยู่ในมือของผู้สอนที่ไม่มีความสามารถพอที่จะใช้สื่อเหล่านี้ อาจจะทำให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ สื่อนั้นมีทั้งข้อดีและข้อด้อย ถ้าใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสมจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล และถ้าใช้ไม่เหมาะสมก็จะทำให้เกิดโทษที่มากมายเช่นกัน

See You Again

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กระบวนทัศน์ทางการศึกษา ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยเทคโนโลยียุคใหม่อย่างไร ???

          ก่อนเข้าถึงการอธิบายว่า "กระบวนทัศน์ทางการศึกษา ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยเทคโนโลยียุคใหม่อย่างไร ???" ผมขอแบ่งช่วงการเปลี่ยนแปลงออกเป็น 3 ช่วงก่อนสรุปความหมาย ดังนี้

1.)กระบวนทัศน์ทางการศึกษาก่อนยุคสมัยเทคโนโลยีอื่นๆมาถึง (Low Technology Learning)

          ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมได้ทันเรียนในยุคสมัยก่อนเทคโนโลยีจะเข้าถึงการศึกษา ยคสมัยนั้นยังเป็นการศึกษาแบบใช้ครูและหนังสือแบบเรียนเป็นศูนย์กลาง หาความรู้ได้จากห้องเรียนและหนังสือเรียนเท่านั้น ยุคสมัยผมเรียนอยู่ระดับประถมศึกษาโรงเรียนยังไม่มีห้องสมุด การศึกษาหรือกระบวนทัศน์ในการศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนและหนังสือแบบเรียนที่ทางโรงเรียนจัดมาให้เท่านั้น การหาหนังสือจากนอกห้องเรียนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย ส่วนกระบวนทัศน์ในการจัดการสอนก็เป็นแบบครูถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เรียนเท่านั้น ผู้เรียนมักไม่เคยมีการถามความรู้นอกเหนือจากในหนังสือเรียนหรือนอกเหนือจากที่ครูสอนเลย นอกจากครูผู้สอนเป็นศูนย์กลางแล้วการใช้ไม้เรียวตีลงโทษในกรณีที่ผู้เรียนกระทำความผิดก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่ผิดแปลกอะไรในยุคสมัยนั้น ทำให้ผู้เรียนเกิดความหวาดกลัวที่จะถามหรือคิดอะไรนอกกรอบความรู้ที่ครูสอนให้ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีในยุคสมัยใหม่บางส่วนจะได้เข้ามาในตอนประถมศึกษาปีที่ 4 ได้มีการเรียนในรายวิชาคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากสำหรับผมในตอนนั้น กระบวนทัศน์ในการศึกษาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี จนกระทั้งผมอยู่ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนมีการสร้างห้องสมุด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้ศึกษาหาความรู้จากหนังสืออื่นที่นอกเหนือจากหนังสือแบบเรียน ความรู้นอกเหนือจากหนังสือแบบเรียนเริ่มมีมากขึ้น แต่ยังไงซะกระบวนทัศน์ในการศึกษาก็มิได้เปลี่ยนมากนัก การศึกษาค้นคว้าแบบอิสระยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าที่ควรเหมือนในยุคปัจจุบันหรือการเรียนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับไม่ได้จากครูผู้สอน จนกระทั่งเทคโนโลยีเข้ามาถึงสมัยผมเรียนระดับมัธยมศึกษา ซึ่งจะได้กล่าวถึงในตอนถัดไป...


หนังสือแบบเรียน ส.ป.ช. ที่ผมไม่เคยได้เกรด 4 เลย (แต่ผมชอบเรียนวิชานี้มาก)


หนังสือแบบเรียน ส.ล.น. ที่เรียนเท่าไหร่ลักษณะนิสัยไม่เคยเปลี่ยน


หนังสือแบบเรียน ก.พ.อ. ซึ่งเรียนไปไม่เคยได้ปฏิบัติในสถานที่จริง


หนังสือแบบเรียน ภาษาไทย ที่ท่อง ก-ฮ ทุกคาบและฝึกการอ่านออกเสียงและสะกดคำ


ไม้เรียว (อันเป็นตำนาน) และกระดานดำ


คอมพิวเตอร์ยุคเก่าสมัยยังไม่มีโปรแกรม Windows มีแต่โปรแกรม Dos

2.)กระบวนทัศน์ทางการศึกษาในยุคสมัย Internet + Computer  และโทรศัพท์มือถือมาถึง (Median Technology Learning)

          เมื่อผมเรียนอยู่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 อินเตอร์เน็ตได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา มีการลงทะเบียนรายงานตัว และเลือกวิชาเลือกเสรีในระบบอินเตอร์เน็ต ระบบการสื่อสารเริ่มมีการพัฒนาขึ้น มีโทรศัพท์มือถือที่ช่วยในการติดต่อสื่อสารและตามตัวได้รวดเร็วขึ้น แต่ระบบอินเตอร์เน็ตในยุคสมัยนั้นยังไม่เป็นที่นิยมและหาใช้งานได้ยากกว่าในยุคสมัยปัจจุบันมาก อินเตอร์เน็ตต้องื้อการ์ดเติมเป็นระบบเวลาเป็นชั่วโมง หรือถ้าอินเตอร์เน็ตฟรีที่มากับโทรศัพท์บ้านก็จะมีความเร็วต่ำมากถึงขั้นโหลดบางเวปไม่ขึ้นเลย มีระบบการเรียนรู้แบบค้นคว้าอิสระเพิ่มขึ้น เช่น วิชาเลือกเสรี ซึ่งจะมีหลากหลายวิชาเลือกได้ตามความถนัด แต่ก็อยู่ในกรอบที่โรงเรียนกำหนด การค้นคว้าหาข้อมูลเริ่มมีตัวเลือกให้ใช้งานมากขึ้น เช่น ห้องสมุด หรือข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเล็กๆน้อยๆ การใช้โทรศัพท์มือถือโทรติดต่อกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการหาข้อมูลหรือการทำงานเป็นกลุ่มเริ่มมีมากขึ้น การทำรูปเล่มแบบรายงานเริ่มมีการพิมพ์บนคอมพิวเตอร์มากขึ้น ซึ่งในยุคสมัยที่ผมเรียนระดับประถมศึกษา การทำรายงานต้องเขียนด้วยมือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ระบบคอมพิวเตอร์มีระบบใหม่ที่ใช้งานได้ง่ายมากขึ้น นั้นก็คือ ระบบปฏิบัติการ Windows ผมได้เริ่มใช้ในรุ่น 95 เป็นต้นมา ซึ่งกระบวนทัศน์ทางการศึกษาเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม ผู้เรียนเริ่มมีบทบาทในการค้นหาข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เหมือนในยุดสมัยก่อนที่ผู้เรียนต้องหาข้อมูลจากหนังสือแบบเรียนเท่านั้น เริ่มมีการพัฒนาระบบการสอนที่ปัจจุบันเรียกว่า "Child Center" คือการเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีการยกเลิกการใช้ไม้เรียว แต่ยังไม่มีอิสระในการเรียนอย่างสูงสุดเหมือนในยุคสมัยปัจจุบันนี้ซึ่งจะได้กล่าวในตอนถัดไป...



Nokia 3315 โทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของผม เพื่อการติดต่อแบบไร้สายและตามตัวกันได้ทันทีที่โทร


ระบบปฏิบัติการ Windows 95 ซึ่งใช้งานได้ง่ายกว่าระบบ Dos ของเก่า


Microsoft Office 95 โปรแกรมที่ปฏิวัติการเขียนรายงานและเรียงความ ซึ่งผมชอบมากเพราะไม่ต้องเขียนด้วยดินสอหรือปากกาอีกแล้ว


การเลือกวิชาเลือกเสรีในระบบอินเอตร์เน็ต ที่สามารถเลือกลงได้โดยไม่ต้องเสียเวลามายื่นอีกสารและกรอกข้อมูล

3.)กระบวนทัศน์ทางการศึกษาในยุคสมัย Notebook + Smartphone + 3G Internet + Tablet + Smartphone และเทคโนโลยีอื่นๆในยัคปัจจุบันมาถึง (High Technology Learning)

          ในที่สุดก็มาถึงยุคในปัจจุบัน เป็นช่วงที่ผมเริ่มเรียนปีที่ 1 ระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ผมมีโน๊ตบุ๊คใช้การศึกษาสามารถนำไปเรียนและทำงานในหมาวิทยาลัยได้ การนำเสนอข้อมูลด้วยโปรแกรม PowerPoint มีการส่งรายงานทาง E-Mail มากขึ้น เพื่อเป็นการประหยัดทรัพยากรทางธรรมชาติมากขึ้น มีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ใช้อย่างแพร่หลาย โทรศัพท์มือถือสารถเชื่ยมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้สามารถค้นคว้าหาข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา การติดต่อสื่อสารสะดวกรวดเร็วด้วยโปรแกรมต่างๆ เช่น Msn Messenger หรือ Skype เป็นต้น ระบบ Social Network ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้คนที่อยู่ห่างไกลทุกที่มาพบปะพูดคุยกันได้ กระบวนทัศน์ในการศึกษามีอิสระอย่างเต็มที่ในการเลือกที่จะศึกษา เลือกสถานที่ หรือแม้กระทั่งเวลาที่จะเรียน โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่เรียกว่า "Smartphone" แทบจะทำได้ทุกอย่างที่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งคอมพิวเตอร์จำกัดด้วยที่ว่าต้องอยู่ในสถานที่พักอาศัยหรือโน๊ตบุ๊คจะต้องอยู่ในสถานที่มีพื้นที่ที่จะใช้ถึงจะใช้งานได้ อินเอตร์เน็ตรุ่นใหม่ที่เรียกว่า "3G" จะช่วยอำนวยความสะดวกได้ทุกที่ทุกเวลา การค้นคว้าจากหนังสือบางเล่นไม่จำเป็นเป็นต้องไปที่ห้องสมุดเหมือนเมื่อก่อนเพราะมี E-Book หรือหนังสือที่สามารถอ่านแบบออนไล์ สามารถดาวโหลดมาอ่านได้ในโทรศัพท์มือถือในกรณีที่ไปในสถานที่ที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต ทำให้การอ่านหนังสือไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน หรือห้องสมุดเหมือนแต่ก่อน และเทคโนโลยีใหม่อย่าง "Tablet" สามารถเป็นได้เรียนหนังสือออนไลส์ได้ผ่านระบบ 3G เป็นได้ทั้งครูผู้สอน หนังสือแบบเรียน หนงสือแบบฝึกหัด และเป็นสมุดจดหรือทำงานเป็นรายงานได้  ในยุคสมัยนี้กระบวนทัศทางการศึกษาถูกเทคโนโลยีทำให้ปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก ซึ่งผู้เรียนมีอิสระสูงสุดที่จะเลือกเรียน และเลือกค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆที่ตนต้องการ


Notebook เป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้ แต่ก็ยังไม่ค่อยสะดวกเพราะมีขนาดใหญ่


 โปรแกรม PowerPoint เป็นโปรแกรมนำเสนองานหน้าชั้นเรียน


E-Mail จดหมายออนไลส์ สามารถส่งงานทางนี้ได้ 


Msn Messenger โปรแกรมพูดคุยออนไลส์เป็นโปรแกรมแรกๆของสงัคมออนไลส์


Skype โปรแกรมยุคสมัยหลังจาก Msn Messenger ที่มีความสามารถมากกว่า


 Social Network ที่พบปะพูดคุยของผู้คนหรือการรวมกลุ่มกันเพื่อทำอะไรซักอย่างในโลกออนไลส์


Smartphone โทรศัพท์พกพาที่มีความสามารถเทียบเท่าคอมพิวเตอร์


Tablet เทคโนโลยีใหม่สำหรับการศึกษายุคสมัยใหม่

 "กระบวนทัศน์ทางการศึกษา ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยเทคโนโลยียุคใหม่อย่างไร ???" และจริงหรือกับคำกล่าวนี้???

          จากการที่ผมได้กล่าวในแต่ละช่วง ผมมีความคิดเห็นว่า กระบวนทัศน์ทางการศึกษา ถูกเทคโนโลยีทำให้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ใน 3 ช่วง ตั้งแต่ผมศึกษาอยู่ในระดับประถม มัธยม จนถึงระดับอุดมศึกษา ได้มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาในการศึกษาเสมอ ทำให้กระบวนทัศน์ในการศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไปตลอด เช่น การเรียนนอกห้องดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับปัจจุบันนี้แต่เมื่อมองย้อนไป ราวๆ 15 ปี การเรียนแบบนี้ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่เป็นอย่างมาก การอ่านหนังสือที่ไม่ได้อ่านจากหนังสือโดยตรง เช่นการอ่านหนังสือทาง E-Book และขอมูลออนไลส์ ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้การคว้าหาความรู้ไม่ได้จำกัดอยู่ในห้องเรียนและหนังสือแบบเรียนเพียงอย่างเดียว ทุกอย่างย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การหาข้อมูลออนไลส์นั้น ความคลาดเคลื่อนของข้อมูลนั้นมีสูงกว่าในหนังสือทั่วไป แต่ข้อดีคือความสะดวกในการใช้ค้นคว้า จากในอดีตมาถึงปัจจุบัน กระบวนทัศน์ของการศึกษาสำหรับผมนั้นได้ถูกเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปมากในทุกๆด้าน ตั้งแต่ด้านการเรียนถึงด้้านการค้นคว้าหาข้อมูล จึงทำให้ผู้เรียนในยุคสมัยปัจจุบันมีความเป็นอิสระในทางการศึกษามากกว่าผู้เรียนในอดีต จึงสมารถพูดได้อย่างเต็มเสียงเลยว่า "กระบวนทัศน์ทางการศึกษา ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยเทคโนโลยียุคใหม่"

...See You แล้วเจอกันใหม่นะครับ...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ฉันคือใคร??? ใครเป็นเจ้าของบล็อค??? แล้วทำไมต้องชื่อ "Thelittleone" ???

          ก่อนอื่นเลยก็ต้องบอกว่าเจ้าของบล็อคนี้ มีความรู้ความสามารถอันน้อยนิด ที่จะตกแต่งความสวยงามของบล๊อคตนเอง แต่เป็นคนใจรักในการเขียนบล็อคและชื่นชอบการAnimeกับGameเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็ไม่มีเวลามาเขียนเพราะเรียนหนัก + ตอนนี้กำลังเรียนโทอยู่ด้วย เข้าเรื่องเลยหลายคนอาจจะอยากเห็นหน้ากับประวัติคราวๆ ตามนี้ (...อย่าได้คาดหวังกับหน้าตานะครับ...)



ชื่อ-สุกล นายศรัณย์  อินทรวิจิตร (Mr.Saran  Intharavijid) (เตย)
วัน-เดือน-ปี เกิด 19 พฤษภาคม 1988 (พ.ศ.2531)
เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย ศาสนาพุทธ
น้ำหนัก 65 กิโลกรัม สูง 171 เซนติเมตร
E-mail little-maid@hotmail.com
มีสัตว์เลี้ยง 1 ตัว (ตุ๊กตาหมาแลบลิ้นในรูป)
ขณะนี้กำลังศึกษาต่ออยู่ในระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ


การศึกษา



โรงเรียนอนุบาลลำปาง (อ.1-ป.6)

โรงเรียนบุญวาทวิทยาลัยลำปาง (ม.1-ม.6)


มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กรุงเทพฯ (ปริญญาตรี)


ทำไมต้องชื่อ ThelittleOne

          ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าผมเป็นคนชอบเล่นเกมส์ Starcraft 2 ซึ่งเป็นเกมส์ที่ถูกบรรจุอยู่ใน E-Sport แข่งขันกันระดับโลก ผมมีความชื่นชอบผู้เล่นคนหนึ่งจากทีม Team Liquid ซึ่งคนนั้นก็คือ TLO หรือชื่อหนึ่งคือ Thelittleone ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "เล็กพริกขี้หนู" หนึ่งเดียวเท่านั้น ผมก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อบล็อคของผม นั้นก็เลยเป็นที่มาของ Thelittleone Blog เป็นบล็อคที่รีวิวของต่างๆตามใจเจ้าของบล็อค ซึ่งนานๆทีปีหนจะอัพเดทบล็อคซักครั้งหนึ่ง


TLO of Team Liquid
My Hero!!!


          ท้ายนี้ก็ส่งท้ายด้วยรูปสมัยเก่าๆตอนที่ผมเรียนอยู่สมัยปริญญาตรี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านบล็อคทุกท่าน คงได้รับทราบว่า ที่มาของบล็อค และประวัติเจ้าของบล็อค เป็นมาอย่างไร ขอบคุณครับทุกท่าน ที่เข้าอ่าน ^^"


สมัยอยู่ปี 1 ปริญญาตรี


สมัยกลับไปช่วยงานกีฬาสีโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยลำปาง


สมัยอยู่ปี 2 ปริญญาตรี


สมัยอยู่ปี 3 ปริญญาตรี



สมัยอยู่ปี 4 ปริญญาตรี



ณ ปัจจุบันตอนนี้ :P

ไว้เจอกันโอกาสหน้านะครับ ขอบคุณครับ SEE YOU..................
       
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@